วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2559

ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง ...ครัวแม่จอย...by tiny joy


(https://plus.google.com/106390040344704265488/posts/AgeebbPYzP2)

"คำว่ายุติธรรมนี้ ก็เคยได้กล่าวว่า เป็นสิ่งที่มากกว่ากฎหมายด้วยซ้ำ เพราะว่ากฎหมายนั้นก็เป็นการวางกฏระเบียบ เพื่อที่จะให้ปฏิบัติโดยดีโดยชอบ แต่คำว่ายุติธรรมนี้สูงกว่านั้น เพราะว่าแม้จะไม่ได้บัญญัติในข้อบังคับใดๆ ก็ต้องมีความหมายว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียกว่าดีก็ต้องกระทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรียกว่าชั่วจะต้องงดเว้น"

พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่๙  ในโอกาสที่ประธานศาลฎีกา นำผู้พิพากษาประจำกระทรวง  เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ ศาลาดุสิตาลัย วันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๑


"As I said before, justice is more than what is said in the law.The law is a system of laying down rules so that people can behave rightfully.But justice is higher than that. Justice demands that people do what is right even if no rules have been written about it, and to refrain from everything that is vile."


The King' speech to judges,January,1998



******************************************************************
ซี่โครงหมูอบน้ำผึ้ง
...เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ชอบทำเพราะทำง่าย และอร่อยนัก ยิ่งเวลาที่แทะเนื้อติดซี่โครงที่ชุ่มฉ่ำหอมหวานไปด้วยสมุนไพรและน้ำผึ้ง จะเพลิดเพลินจนหยุดไม่อยู่หมดจานไม่รู้ตัว เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี แอ้มด้วยแตงกวา ผักชีหรือผักดองก็ได้ ในส่วนของน้ำผึ้งปกติแล้วจะชอบใช้น้ำผึ้งสวนจิตรลดา เพราะหวานหอมน้ำผึ้ง ราคาไม่แพง ขนาดกำลังพอเหมาะ หาซื้อได้ง่ายที่ร้านสะดวกซื้อ ที่สำคัญเพราะเป็นผลิตภัณฑ์ในโครงการฯ จากพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่๙ ที่ทรงมีพระเมตตาต่อปวงชนชาวไทย ดังนั้นมั่นใจได้ในความเป็นน้ำผึ้งแท้และความปลอดภัย ใครได้ลองชิมน้ำผึ้งสวนจิตรลดาแล้วจะหลงรักเลย ขอบอก...

ส่วนผสม 
1. ซี่โครงหมูสับเป็นท่อนสั้นๆ  1 กิโลกรัม
2. กระเทียมกลีบใหญ่ 5 กลีบ
3. พริกไทยเม็ด 1 ช้อนกินข้าว
4. รากผักชี  2 ราก
5. น้ำผึ้งตามชอบ
6. น้ำมันถั่วเหลือง
7. น้ำมันหอย 2 ช้อนกินข้าว
8. น้ำปลา  1 ช้อนกินข้าว
9. ซอสปรุงรส 1 ช้อนกินข้าว
10. ซีอิ๊วดำหวาน 1/2 ช้อนกินข้าว

วิธีทำ
 1. เตรียมสามเกลอ คือ กระเทียม พริกไทย รากผักชี (รากผักชีลอกเป็นก้านๆ ออกมาล้างให้สะอาด ขูดรากให้หมดเศษดิน)


  2. นำไปโขลกพอหยาบๆ

  
 3. หมักซี่โครงกับน้ำมันหอย คลุกเคล้าให้เข้ากัน 



4. ตั้งน้ำมันพอร้อน ใส่สามเกลอที่โขลกแล้วลงไปผัดพอเหลืองหอม



5. ใส่ซี่โครงหมูหมักน้ำมันหอยลงไป ผัดให้เข้ากันสักพัก




6. เติมซีอิ๊วดำหวาน ซอสปรุงรสและน้ำปลาลงไป ผัดให้ทั่วๆ จนเนื้อเริ่มสุก



7. เติมน้ำสะอาดลงไปให้ท่วมซี่โครง คนให้เข้ากันแล้วปิดฝาอบไว้สักพัก



8. เปิดฝาอบดูถ้าเห็นว่าน้ำเริ่มงวดลง ให้ผัดให้เข้ากันอีกแล้วปิดฝาอบต่อ

9. อบจนน้ำเริ่มแห้งแล้ว ให้ใส่น้ำผึ้งลงไป ผัดคลุกเคล้าให้ทั่วจนเครื่องสมุนไพรเหนียวพอติดซี่โครงเป็นอันเสร็จ 









   ...ตักซี่โครงหมูใส่จานเสร็จปุ๊บ ใส่ข้าวสวยลงไปคลุกกับเครื่องที่ติดอยู่ในกะทะให้ทั่ว  แล้วเอามากินด้วยกันรับรอง..ลำขนาด...


********************************

   รู้เล็กรู้น้อย
  - น้ำผึ้งช่วยสมานแผลและป้องกันการติดเชื้อ
  - น้ำผึ้งที่ดีควรมีกลิ่นหอมของดอกไม้ที่ระบุไว้บนฉลากข้างขวดน้ำผึ้ง
  - น้ำผึ้งต้องมีความหนืดแม้ในอากาศร้อนหรืออุณหภูมิห้อง
  - น้ำผึ้งต้องมีสีอ่อนตามธรรมชาติที่ได้เก็บเกี่ยวมาไม่ควรมีสีเข้มมากจนดำ
  - ควรเก็บน้ำผึ้งในภาชนะปิดสนิท ไม่ควรแช่ตู้เย็น
  - ข้อควรระวัง  ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรจำกัดปริมาณการกินน้ำผึ้งและต้องปรึกษาแพทย์ก่อน
(ที่มา ; http://oldweb.pharm.su.ac.th/thai/Organizations/DIS/Articles/herb007.asp)




วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แหนมหมูทำเอง 2 ...ครัวแม่จอย...by tiny joy



"...กฎหมายทั้งปวงนั้น เราบัญญัติขึ้นเพื่อใช้เป็นปัจจัยสำหรับรักษาความยุติธรรม กล่าวโดยสรุปคือ ให้เป็นแบบแผนแห่งความประพฤติปฏิบัติของมหาชนสถานหนึ่ง กับใช้เป็นแม่บทในการพิจารณาตัดสินความประพฤตินั้นๆ ให้เป็นไปโดยถูกต้องเที่ยงตรงอีกสถานหนึ่ง...
โดยที่กฎหมายเป็นแต่เครื่องมือในการรักษาความยุติธรรมดังกล่าว จึงไม่ควรจะถือว่ามีความสำคัญยิ่งไปกว่าความยุติธรรม หากควรจะต้องถือว่าความยุติธรรมมาก่อนกฎหมาย และอยู่เหนือกฎหมาย การพิจารณาพิพากษาอรรถคดีใดๆ โดยคำนึงถึงแต่ความถูกผิดตามกฎหมายเท่านั้น ดูจะไม่เป็นการเพียงพอจำต้องคำนึงถึงความยุติธรรม ซึ่งเป็นจุดประสงค์ด้วยเสมอ การใช้กฎหมายจึงจะมีความหมายและได้ผลที่ควรจะได้..."


พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ ๙
ในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตรแก่นักศึกษาของสำนักอบรมศึกษากฎหมาย
แห่งเนติบัณฑิตยสภา วันที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๑๕

************************************************************
                                               

...คราวนี้เป็นวิธีทำแหนมผสมหนังหมู ซึ่งจริงๆ ก็ทำเหมือนกันกับแหนมหมูเนื้อล้วนนั่นแหละเพียงแค่เพิ่มหนังหมูใส่ลงไป เพิ่มสัดส่วนอีกนิดหน่อย ต่างกันตรงที่แหนมหมูเนื้อล้วนเนื้อแหนมจะแน่นกว่า ส่วนความอร่อยไม่ต่างกันเลย...
แหนมผสมหนังหมู

ส่วนผสมหลัก
  1. เนื้อหมูบด  250 กรัม
  2. หนังหมูต้มสุกหั่นเส้น 50 กรัม
     
     3. กระเทียมตำหยาบ 4 ช้อนสั้น(ใครไม่ชอบก็ใช้ 2 ช้อนสั้น)
     4. ข้าวสุก 4 ช้อนสั้น

    
     5. เกลือ  1 ช้อนกาแฟเล็กพูน
     6. น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนสั้นหรือ 2 ช้อนกาแฟ


วัสดุอื่นๆ
- ถุงพลาสติก ขนาด 4x6 นิ้ว , ยางวง , กล่องมีฝาปิด

วิธีทำ
1. คลุกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน นวดจนพอเหนียว


2. แบ่งส่วนผสมทั้งหมดเป็น 6 ส่วนเท่าๆ กัน แล้วเอาใส่ถุงพลาสติกขนาด 4x6 นิ้ว ได้ทั้งหมด 6 ถุง

3. ค่อยๆ ไล่ รีด บีบ ส่วนผสมให้อยู่ที่ก้นถุง ทำพอแบนและมีอากาศน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากนั้นพับทบขึ้นมาจนสุดปลายปากถุง  ใช้ยางวงรัดหัวท้ายเป็น 3 กะเปาะ พอแน่น 



4. นำห่อแหนมทั้งหมดใส่กล่องปิดฝา วางไว้ที่อุณหภูมิห้อง 2-3 วัน หลังจากนี้ถ้ายังไม่กินให้เก็บไว้ในตู้เย็น  เสร็จแระ!!   ง่ายจัง

        ...หลังหมักไว้ 2 วัน ลองแกะห่อแหนมออกมาได้หน้าตาแบบนี้ แล้วเอาไปปิ้งเตาถ่านดู รสชาติเปรี้ยวได้ที่แล้ว ก็แกะออกมาย่างทั้งหมดเลย หุหุ...


            ...กินแอ้มกับ ขิงดอง/ ผักดอง แม่ทำเองอีกเช่นกัน อร่อยจริงๆ... 


...อย่างที่บอกว่าเป็นคนชอบกินกระเทียมก็เลยจะใส่กระเทียมตำหยาบมากหน่อย ใครไม่ค่อยชอบก็ใส่น้อยลงไม่เป็นไร แต่กระเทียมมีประโยชน์มากนะขอบอก ส่วนข้าวสวยถ้าไม่มีขี้เกียจหุงใช้ข้าวเหนียวนึ่งได้(ที่ขายกะไก่ย่าง/หมูปิ้ง นั่นแหละ) ทำแหนมนี่สนุกดีนะ ทำน้อยทำมากปรับสูตรกันไป อ้อ..จะใส่พริกเม็ดเข้าไปด้วยก็ได้ถ้าชอบ   
     
    รู้เล็กรู้น้อย
  - น้ำตาล ข้าวสวยหรือข้าวเหนียว ที่ใส่ในแหนมจะเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดรสเปรี้ยวขึ้นมา
 - กระเทียม นอกจากจะช่วยในเรื่องของรสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัวแหนมแล้ว ยังช่วยเป็นสารกันบูดได้อีก
 - เกลือ นอกจากให้รสเค็มแล้ว ยังช่วยยับยั้งแบคทีเรียที่ก่อโรคและก่อให้เกิดการเน่าเสียด้วย


แหนมหมูทำเอง 1...ครัวแม่จอย by tiny joy...





"ขอจงมีความเพียรที่บริสุทธิ์ ปัญญาที่เฉียบแหลม กำลังกายที่สมบูรณ์.”
“May all readers be blessed with pure perseverance, sharp wisdom 
and complete physical health....”
จากพระราชปรารภเรื่องพระมหาชนก
พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ฯ รัชกาลที่ ๙

*********************************************
... เคยรับปากกับ Addy ว่าจะลงวิธีการทำแหนมให้  เพราะที่ที่เพื่อนอยู่หาแหนมกินยาก ส่วนตัวเป็นคนชอบกินแหนม ชอบทำสารพัดเมนูแหนม หลังจากทดลองทำดู ก็ได้มา 2 แบบ คือ แบบแหนมเนื้อหมูล้วนกับแหนมผสมหนังหมู วิธีทำก็ง่ายมากๆ ไม่ต้องใส่สารเคมีอะไรเลย ลองทำดูนะ แล้วจะรู้ว่ากินแหนมปลอดสาร ที่ทำเองกับมือน่ะอร่อยแค่ไหน...


แหนมเนื้อหมูล้วน
ส่วนผสมหลัก
1. เนื้อหมูติดมัน 250 กรัม( ซื้อมา 1/2 กิโลกรัม แล้วแบ่งครึ่งเอา)

2. กระเทียมตำพอหยาบ 4 ช้อนสั้น(ชอบกินแบบกัดแล้วมีเนื้อกระเทียมด้วย ถ้าไม่ชอบกินกระเทียมใช้ 2 ช้อนสั้นก็พอแล้วตำละเอียด)
3. ข้าวสุก  4 ช้อนสั้น
4. เกลือป่น 1/2 ช้อนกาแฟเล็ก (มีคนป่วยความดันสูงกินด้วยเลยใช้เกลือน้อย ถ้าไม่กังวลอะไรใช้ 1 ช้อนได้)
5. น้ำตาลทราย  1 ช้อนกาแฟเล็ก


วัสดุอื่นๆ

- ถุงพลาสติก ขนาด 4x6 นิ้ว , ยางวง , กล่องมีฝาปิด

วิธีทำ
1. เอาส่วนผสมทั้งหมดมาคลุกเคล้าให้เข้ากันดี

2. แบ่งออกเป็น 6 ส่วนเท่าๆ กัน (ถ้าชอบแหนมแบบอวบๆ หน่อย ก็แบ่งเป็น 4 ส่วน) แล้วเอาใส่ถุงขนาด 4x6 นิ้ว



 3. ค่อยๆ รีดไล่ให้ส่วนผสมอยู่ก้นถุงพอแบนๆ ให้มีอากาศน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วพับทบจนหมดปลายถุง(หรือจะทำเป็นก้อนจุกที่มุมถุงก็ได้)


4. รัดยางวงตรงหัวกับท้ายเข้ามาหน่อยพอแน่น ได้เป็น 3 กะเปาะ  ทำหมดทุกอันแล้วเก็บใส่กล่อง ปิดฝา วางไว้ที่อุณหภูมิห้องไม่ต้องเข้าตู้เย็น ประมาณ 2-3 วัน(ควรให้เลย 24 ชั่วโมง) แล้วแต่ว่าชอบเปรี้ยวขนาดไหนหมักยิ่งนานยิ่งเปรี้ยว



5. ที่ทำครั้งนี้ หมักไว้ 2 วันพอ เพราะอยากกินแล้ว55555  แกะออกมาปิ้งกินซะเลย เปรี้ยวพอดีที่ชอบ


...เสร็จแล้วเห็นไหมทำแหนมกินเอง ง๊าย..ง่าย สะอาด ปลอดภัยด้วย  ไม่ต้องกังวลเรื่องสูตรไม่จำเป็นต้องตรงตามนี้เป๊ะ ปรับเอาเองตามชอบจะทำเยอะหรือน้อยกว่านี้ก็กะประมาณสัดส่วนดู สูตรที่ทำนี้เพราะชอบกินกระเทียมเลยใส่กระเทียมเยอะ ใครชอบกินเปรี้ยวก็หมักหลายวันหน่อย แต่หลังจากหมักที่อุณหภูมิห้อง 3 วันแล้ว ยังไม่กินควรเก็บไว้ในตู้เย็นนะ จะเก็บไว้ได้นานหน่อยแล้วก็เอาไปทำได้สารพัดเมนู เอาไปทำยำแหนมข้าวทอดก็อร่อย ที่สำคัญทำให้สุกก่อนอย่ากินดิบล่ะ เดี๋ยวโรคภัยจะถามหา...